รายงานการประชุมเฟดเดือนต.ค.เผยเฟดวิตกกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สหรัฐลงในระยะกลาง หลังการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำลง และการปรับตัวลงของราคาหุ้น

“ผู้เข้าร่วมการประชุมชี้ถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง และความเสี่ยงช่วงขาลงเพิ่มมากขึ้นในยุโรป จีนและญี่ปุ่น รวมถึงการแข็งค่าของดอลลาร์"

“หากภาวะทางเศรษฐกิจหรือการเงินในต่างประเทศปรับตัวย่ำแย่ลงต่อไป การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในระยะกลางอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดกันไว้ในปัจจุบัน"

แต่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายหลายราย ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีสิทธิโหวต มองว่าผลกระทบของความคืบหน้าในช่วงที่ผ่านต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ “มีแนวโน้มจะค่อนข้างจำกัด"

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่หลายรายไม่ได้ให้ความสนใจกับการปรับตัวลงด้านการส่งออกของสหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆและอุปสงค์ในต่างประเทศที่ซบเซา

ในการประชุมครั้งล่าสุด เฟดได้ตัดสินใจยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ และคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ “เป็นระยะเวลานาน" หลังจากยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งเป็นเนื้อความเช่นเดียวกับที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ครั้งก่อนๆ

เจ้าหน้าที่บางส่วนต้องการให้เลิกใช้คำว่า “ระยะเวลานาน" ในแถลงการณ์ แต่เฟดยังคงตัดสินใจที่จะยังคงใช้คำดังกล่าวต่อไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่บางรายวิตกว่าการเลิกใช้คำดังกล่าวอาจจะถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในท่าทีด้านนโยบายของเฟด

ทั้งนี้ เฟดได้ระบุมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับ 0% “เป็นระยะเวลานาน" หลังจากที่โครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลง