S&P ระบุว่า การแข็งค่าอย่างมากของฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรจะกระทบการส่งออกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
"เราคาดว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสวิตเซอร์แลนด์ และฐานะการคลังที่มั่นคงจะช่วยต้านทานภาวะตื่นตระหนกที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน" แถลงการณ์ของ S&P ระบุ
ตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ทรุดตัวลงเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่ SNB ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%
ทั้งนี้ ค่าเงินฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเกือบ 30% เพียงไม่กี่นาทีหลังการประกาศของ SNB โดยดีดตัวแตะ 0.8052 ฟรังก์สวิสต่อยูโร หลังจากที่ SNB ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. 2011 เพื่อควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสในขณะนั้นไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด
นายนิค ฮาเย็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทสวอทช์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตนาฬิกาชั้นนำของสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า "นโยบายของธนาคารกลางสวิสถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเหมือนคลื่นยักษ์สึนามิสำหรับอุตสาหกรรมส่งออกและการท่องเที่ยว และสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วประเทศ"
ทางด้านนายคริสเตียน เลฟแรท หัวหน้าพรรคโซเชียล เดโมแครต ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายของสวิส กล่าวโจมตีนโยบายของ SNB ว่าเป็นภัยคุกคามต่อการจ้างงานจำนวนหลายหมื่นตำแหน่งของชาวสวิส