ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ต่อนาย Sri Jegarajah ผู้สื่อข่าวจาก CNBC สถานีข่าวการเงินยักษ์ใหญ่ในวันนี้ นายประสารกล่าวว่า ตลาดการเงินของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากภาวะปั่นป่วนของตลาดโลก ขณะที่เศรษฐกิจในปัจจุบันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง
เขากล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่วนใหญ่ยังคงมองว่า นโยบายการเงินผ่อนคลายในปัจจุบันมีความสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ระดับ 4% แต่ธปท.ยังคงมีช่องว่างที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้
ผู้ว่าธปท.แสดงความพอใจกับค่าเงินบาทในขณะนี้ ขณะที่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์สิ่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
นายประสารยังกล่าวว่า เนื่องจากไทยมีความสมดุลในการค้าระหว่างประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสได้ช่วยชดเชยภาวะซบเซาจากตลาดของสหภาพยุโรป (EU) และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ไทยมีตลาดการค้าที่หลากหลายกับกลุ่มประเทศในภูมิภาค CLMV ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม
ธปท.คาดว่าการส่งออกจะมีการขยายตัว 1% ในปีนี้
ผู้ว่าธปท.ระบุว่า ผู้บริโภค และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นไทยประสบปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่ภาระหนี้ในภาคครัวเรือนยังคงเป็นปัญหา กระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของนักลงทุนที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์ในการลงทุน
นายประสารเชื่อว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าตามแผนที่กำหนด จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
ส่วนการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 3.5% ในปีนี้ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของธปท.ที่ 4% นั้น ผู้ว่าธปท.กล่าวว่า ตัวเลขของ IMF และธปท. มาจากสมมติฐานที่แตกต่างกัน โดยที่เหมือนกันคือการคาดการณ์การส่งออกที่อ่อนแอ แต่ที่ต่างกันคือสมมติฐานเกี่ยวกับการลงทุนในภาครัฐและเอกชน ซึ่งIMF คาดการณ์ต่ำกว่าธปท.
สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้นั้น นายประสารกล่าวว่า ปัจจัยต่างประเทศยังคงมีความผันผวน และไม่สามารถเป็นปัจจัยเอื้อต่อประเทศได้มากนัก แต่สิ่งที่สามารถควบคุมได้คือการใช้จ่ายและการลงทุนของรัฐบาล ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชน และการใช้จ่ายในภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายประสารยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยไม่เผชิญความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืด โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ร่วงลงสู่ระดับติดลบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้น
ต่อข้อถามที่ว่า หลังจากที่เขาพ้นวาระการดำรงตำแหน่งในปลายเดือนก.ย.นี้ ผู้ว่าธปท.คนใหม่ควรมีคุณสมบัติเช่นใด นายประสารกล่าวว่า ควรเป็นคนดี และมีความสามารถ
นอกจากนี้ นายประสารยังระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความเป็นอิสระกับธปท.เป็นอย่างดี โดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ