เขากล่าวว่า ไม่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หรือในเดือนก.ย. หรือปลายปีนี้ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก ที่สำคัญกว่าก็คือ เฟดจะยังคงใช้นโยบายที่ผ่อนคลาย ซึ่งสิ่งนี้จะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง มากกว่ากำหนดการในการขึ้นดอกเบี้ย
นายล็อคฮาร์ทยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 และจะยังคงมีการขยายตัวในช่วง 2.5%-3.0%
อย่างไรก็ดี มุมมองของนายเล็อคฮาร์ทแตกต่างจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ซึ่งกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อที่อ่อนแอ และการขาดหลักฐานที่แสดงว่าแรงกดดันด้านราคากำลังเพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่าเฟดไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
"ผมคิดว่าภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะไปสู่สถานการณ์ซึ่งจะเป็นการเหมาะสมสำหรับเฟดในการตรึงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2016" เขากล่าว
นายอีแวนส์ยังระบุว่า ขณะที่เศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัว และการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่เงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% สิ่งนี้สนับสนุนให้เฟดยังคงไม่ต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ก่อนหน้านี้ นายอีแวนส์เคยกล่าวเตือนว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วจนเกินไปถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุดสำหรับเฟด เนื่องจากโอกาสที่จะเกิดภาวะผันผวนจนกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศจะยิ่งสูงตามไปด้วย