ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้กล่าวปกป้องการตัดสินใจของเขาในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมากในขณะที่เขาดำรงตำแหน่ง โดยระบุว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป จะเป็นการกระทำที่ผิด เพราะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และกำลังฟื้นตัวจะไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการกู้ยืมที่มากขึ้นได้
เขาได้ชี้ให้เห็นว่า มีหลายครั้งที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และก็ต้องปรับลดลงในเวลาต่อมา เมื่อพบว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ลง
ในการแถลงเมื่อวันศุกร์นั้น นางเจเน็ท เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า เขาและเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เชื่อว่า เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังมาไม่ถึง แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปีนี้
นางเยลเลนมองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยทีละน้อยไปตลอดช่วง 2-3 ปีข้างหน้านั้นมีความเหมาะสม เนื่องจากปัจจัยต่างๆที่ฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะค่อยๆลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของค่าแรงที่ยังซบเซา การแข็งค่าของดอลลาร์ซึ่งอาจจะกระทบต่อการส่งออก และการฟื้นตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงซบเซา
อย่างไรก็ดี เฟดจะต้องมั่นใจก่อนว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับ 2% ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง