ทั้งนี้ นายหม่ากล่าวว่า QE ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วบางแห่งได้นำมาใช้นั้น ถือเป็นมาตรการด้านนโยบายที่จะนำมาใช้ก็ต่อเมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายเคลื่อนไหวในระดับใกล้ศูนย์และเศรษฐกิจเผชิญกับภาวะถดถอย แต่สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในจีน เนื่องจากธนาคารกลางจีนยังคงมีเครื่องมือที่มีระเบียบแบบแผนในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ
นอกจากนี้ นายหม่ากล่าวว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันช่วงขาลง จึงจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยและสร้างเสถียรภาพในการเติบโตด้านการลงทุน
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลงอีก 0.25% โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (11 พ.ค.)
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 5.1% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557 ที่ธนาคารกลางตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีนมีความพยายามที่จะจัดการกับแรงกดดันที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยยังมีเป้าหมายที่จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนกำลังดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั่วประเทศ