IMF ระบุว่า เฟดอาจถูกบังคับให้ต้องกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเชื่อมั่นเกินไปต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
IMF ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ การจ้างงาน และแนวโน้มค่าจ้าง ซึ่งทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงหากเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
คำเตือนของ IMF สวนทางกับท่าทีของเฟดซึ่งส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการจ้างงานที่สดใส
นอกจากนี้ IMF ยังเตือนว่า วิกฤตการณ์ในกรีซและยูเครนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่คาดการณ์ไม่ได้ต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการชะลอตัวของจีนก็อาจกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะทำให้มีแรงเทขายในตลาดหุ้น
ตำเตือนของ IMF ในวันนี้ สอดคล้องกับรายงานประจำปีของ IMF ที่เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
ทั้งนี้ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนเม.ย.ที่ 3.1%
IMF ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ เช่น การแข็งค่าของดอลลาร์ และสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ขณะที่การประท้วงของคนงานที่ท่าเรือชายฝั่งตะวันตก และการทรุดตัวของการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมัน รวมทั้งการดิ่งลงของราคาพลังงาน ได้ฉุดการเติบโตในไตรมาสแรกของปีนี้
IMF ระบุว่า แนวโน้มการขยายตัวที่ซบเซาของสหรัฐ บ่งชี้ว่าเฟดควรเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ขณะเดียวกัน รายงาน IMF ยังเตือนว่าภาคการเงินของสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดประกันและตลาดเงิน ขณะที่นักลงทุนพากันนำเงินเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ IMF ยังเตือนสหรัฐให้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ ซึ่งจะทำให้มีการปิดทำการหน่วยงานของรัฐบาล และส่งผลกระทบฐานะการคลังและเศรษฐกิจของสหรัฐ