ECB ระบุว่า สัดส่วนธนาคารที่มีการผ่อนคลายข้อกำหนดด้านเงินกู้นั้น อยู่ที่ระดับ -3% ในไตรมาสสอง โดยคำนวณจากสัดส่วนธนาคารที่เข้มงวดด้านข้อบังคับ หักออกด้วยธนาคารที่มีการผ่อนคลายข้อกำหนด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่ามากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ผ่อนคลายข้อกำหนดด้านเงินกู้สำหรับการซื้อบ้านเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ECB ได้ประกาศซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ๆเข้าสู่เศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนที่กำลังซบเซาลง และจัดการกับภาวะเงินฝืดและอัตราว่างงานในยูโรโซนที่อยู่ในระดับสูงถึง 11% โดย ECB จะซื้อพันธบัตรดังกล่าวจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ในระยะกลาง ขณะที่ ECB จะซื้อพันธบัตรของรัฐบาลหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงกรีซ