รายงานดังกล่าว ซึ่งประเมินภาวะเศรษฐกิจของ 12 ภูมิภาค ระบุว่า มี 3 เขตที่รายงานถึง “การขยายตัว “เล็กน้อย" ขณะที่ 7 เขตระบุถึงการขยายตัวปานกลาง และส่วนอีก 2 เขตรายงานว่าการขยายตัวยังคงทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้น
รายงานแสดงให้เห็นว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าและการลงทุนด้านพลังงานที่ชะลอตัวลง ยังคงส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกของสหรัฐ โดยบางเขตระบุว่าดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังบั่นทอนความต้องการสินค้าส่งออก และการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซก็เป็นส่งผลลบต่อคำสั่งซื้อในภาคการผลิตด้วย
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงปรับตัวดีขึ้นทั่วทั้งประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ระดับต่ำ
การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น หรือทรงตัวในหลายภาคอุตสาหกรรมทั่วทุกเขตนับตั้งแต่รายงานครั้งก่อน ขณะที่มีรายงานการปรับลดขนาดในอุตสาหกรรมการผลิตและพลังงานในบางภูมิภาค
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุในการแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ว่า อุปสรรคบางประการที่สกัดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงผลกระทบเชิงลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่มีต่อการนำเข้าสุทธิ และราคาพลังงานที่ระดับต่ำซึ่งกระทบการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมันนั้น จะบรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไป
นางเยลเลนย้ำว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้ รายงาน Beige Book อิงกับข้อมูลเศรษฐกิจจากธนาคารภูมิภาค 12 แห่งของเฟด โดยจะมีการเปิดเผยปีละ 8 ครั้งเพื่อแสดงถึงภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐ และจะมีการอัพเดทข้อมูลราว 2 สัปดาห์ก่อนการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในแต่ละครั้ง
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีกำหนดจะประชุมกันครั้งต่อไปในวันที่ 28-29 ก.ค.