อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุแต่เพียงว่าเฟดต้องการเห็นตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อไป และต้องการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับต่ำจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง ก่อนที่จะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
คณะกรรมการ FOMC ทั้ง 10 คนลงคะแนนเสียงเห็นชอบต่อมติการประชุมในครั้งนี้ และนับเป็นการลงคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ภาคครัวเรือนมีการขยายตัว ส่วนภาคที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวดีขึ้น
เฟดยังระบุว่าตลาดแรงงานได้ปรับตัวขึ้น โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่อัตราการว่างงานได้ลดต่ำลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาว ซึ่งสะท้อนถึงการดิ่งลงของราคาพลังงาน
แถลงการณ์ระบุว่า ความเสี่ยงอยู่ในระดับใกล้เคียงภาวะสมดุล ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหม่ มากกว่าการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราเงินเฟ้อ
เฟดจะไม่มีการประชุมนโยบายการเงินในเดือนหน้า โดยการประชุมครั้งต่อไปจะเป็นวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งหมายความว่าเฟดมีเวลาอีกราว 2 เดือนในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เน้นย้ำในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจะสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้