ก่อนหน้านี้ บาร์เคลย์สคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน สัญญาซื้อขายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นล่วงหน้า ซึ่งมักบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดส่งสัญญาณในวันนี้ว่า นักลงทุนมองว่ามีแนวโน้มเพียง 28% เท่านั้น ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ตัวเลขแนวโน้มดังกล่าวถือว่าลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยสำคัญล่าสุดที่ทำให้เฟดตัดสินใจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ได้แก่ ภาวะผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในวันนี้ โดยดิ่งลงกว่า 1,000 จุด และปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะที่ร่วงลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก
ณ เวลา 20.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ทรุดลง 1,070.51 จุด หรือ 6.50% สู่ระดับ 15,389.24 จุด โดยร่วงลงใกล้หลุดระดับ 15,000 จุด
ในเดือนนี้ ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2009
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ร่วงลงเกือบ 300 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศที่อ่อนตัวลง แม้ว่าทางการจีนใช้มาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นตลาดหุ้นและเศรษฐกิจก็ตาม
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตดิ่งลง 297.84 จุด หรือ 8.49% ปิดที่ 3,209.91 จุดในวันนี้ โดยเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดภายใน 1 วันนับตั้งแต่ปี 2007
ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนส.ค. ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกันไคซิน อยู่ที่ระดับ 47.1 ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่ระดับ 47.8
ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัวของกิจกรรมในภาคการผลิตของจีน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตดังกล่าวร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัว