แถลงการณ์ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐเดือนก.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 18, 2015 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ค.บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังขยายตัวปานกลาง การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การส่งออกสุทธิอยู่ในภาวะอ่อนแอ ส่วนตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและอัตราว่างงานลดลง เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานแสดงให้เห็นว่า การใช้ประโยชน์ในระดับต่ำเกินไปจากทรัพยากรด้านแรงงานนั้น ได้ลดน้อยลงนับตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการ ซึ่งบางส่วนสะท้อนถึงการร่วงลงของราคาพลังงานในช่วงก่อนหน้านี้และการปรับตัวลงของราคานำเข้าสินค้าที่ไม่ใช่พลังงาน ส่วนมาตรวัดการชดเชยเงินเฟ้อที่อิงกับตลาดได้ปรับตัวลง ขณะที่มาตรวัดการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวที่อิงกับผลสำรวจยังคงทรงตัว

คณะกรรมการ FOMC พยายามที่จะสนับสนุนการจ้างงานในระดับสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกเมื่อเร็วๆนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่บ้าง และมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันช่วงขาลงต่อเงินเฟ้ดในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการคาดว่า ด้วยการผ่อนคลายนโยบายอย่างเหมาะสม กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตราปานกลาง โดยปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานยังคงปรับตัวสู่ระดับที่คณะกรรมการพิจารณาว่าสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการของเฟด คณะกรรมการจะยังคงมองว่าความเสี่ยงต่อแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานนั้นเกือบจะมีความสมดุล แต่ก็กำลังจับตาดูความคืบหน้าต่างๆในต่างประเทศ โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะยังคงปรับตัวใกล้ระดับต่ำของช่วงที่ผ่านมาในระยะใกล้นี้ แต่คณะกรรมการคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง ขณะที่ตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และผลกระทบชั่วคราวจากการปรับตัวลงในช่วงก่อนหน้านี้ของราคาพลังงานและราคานำเข้าได้ลดน้อยลง คณะกรรมการจะยังคงจับตาดูความคืบหน้าด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

ในส่วนของการสนับสนุนให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสู่การจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคานั้น คณะกรรมการได้ยืนยันอีกครั้งในวันนี้ถึงมุมมองที่ว่า ช่วงเป้าหมายในปัจจุบันสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ที่ 0-0.25% นั้น ยังคงมีความเหมาะสม และในการที่จะตัดสินใจว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ช่วงเป้าหมายนี้ต่อไปนานเพียงใดนั้น คณะกรรมการจะประเมินความคืบหน้าสู่เป้าหมายของการจ้างงานในระดับสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% ทั้งในแง่ความเป็นจริงและคาดการณ์ การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงการประเมินภาวะตลาดแรงงาน, ปัจจัยชี้วัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ ตลอดจนการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ระหว่างประเทศ คณะกรรมการคาดว่าจะมีความเหมาะสมในการปรับเพิ่มช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เมื่อตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อเฟดค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับสู่เป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง

คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล นโยบายนี้น่าจะช่วยให้ยังคงมีภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลาย โดยที่คณะกรรมการยังคงถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวขึ้นเป็นจำนวนมาก

เมื่อคณะกรรมการตัดสินใจที่จะเริ่มยกเลิกการผ่อนคลายด้านนโยบาย ก็จะใช้วิธีการที่มีความสมดุล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวว่าด้วยการจ้างงานในระดับสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% โดยในปัจจุบันนี้ คณะกรรมการคาดว่า แม้ว่าหลังจากที่การจ้างงานและเงินเฟ้อปรับตัวใกล้ระดับที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักแล้ว แต่ภาวะเศรษฐกิจอาจจะเป็นเหตุผลในการคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ต่ำกว่าระดับที่คณะกรรมการมองว่าเป็นระดับปกติในระยะยาว ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

ผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เจเน็ต แอล. เยลเลน ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เลล เบรนาร์ด, ชาร์ลส์ แอล. อีแวนส์, สแตนลีย์ ฟิสเชอร์, เดนนิส พี. ล็อคฮาร์ท, เจอโรม เอช. เพาเวล, แดเนียล เค. ทารุลโล และจอห์น ซี. วิลเลียมส์

ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายดังกล่าว ได้แก่ เจฟฟรีย์ เอ็ม. แล็คเกอร์ ซึ่งต้องการให้มีการปรับช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะขึ้น 0.25% ในการประชุมครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ