นายโคเออร์กล่าว หลังจากวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุถึงเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ
"ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไร ทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐและยูโรโซนก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก" เขากล่าว
ทั้งนี้ มีการมองกันว่า สหรัฐมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ขณะที่ยูโรโซนมีแนวโน้มใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
นายโคเออร์ยังกล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มซบเซา โดยเฉพาะเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ได้ย่ำแย่ลงอย่างมาก
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างช้ามากในยูโรโซน และแม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น แต่ก็มีอัตราต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ท่ามกลางความวิตกต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และตลาดการเงินที่ไร้เสถียรภาพ
เฟดระบุว่า ถึงแม้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะทำให้มีแรงกดดันในช่วงขาลงต่อเงินเฟ้อในระยะใกล้
ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่า กำลังจับตาสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีความกังวลมากขึ้นว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐจะกระทบต่อเศรษฐกิจในอเมริกา
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2016 สู่ระดับ 2.2%-2.6% จากเดิมที่ 2.4%-2.7% และคาดว่าจะขยายตัว 2.2% ในปี 2017