ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจในจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ตลอดจนราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง คาดว่า BOJ จะปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่จะมีการเปิดเผยในช่วงต่อไปของวันนี้
การประชุมของ BOJ จะมีขึ้นหลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะขยายนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย ขณะที่ธนาคารกลางของจีนได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยับยั้งภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนีเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอ่อนแอ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด ได้ปรับตัวลง 0.1% เมื่อเทียบรายปี ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2556 อันเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ร่วงลง
ทั้งนี้ ภาวะชะลอตัวในจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการผลิตของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดภาวะถดถอย หากเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.หดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม BOJ มีแนวโน้มจะตัดสินใจอย่างระมัดระวังว่าจะขยายมาตรการกระตุ้นทางการเงินหรือไม่ ขณะที่ราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงาน ได้ปรับตัวขึ้นที่ราว 1% ซึ่งหนุนมุมมองของ BOJ ที่ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อโดยรวมกำลังปรับตัวดีขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน