เจ้าหน้าที่บอร์ดนโยบายหลายรายระบุว่า BOJ “ควรปรับนโยบายโดยไม่ลังเล" หากแนวโน้มเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไป และหากพิจารณาว่าการปรับเปลี่ยนมีความจำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% โดยเร็ว
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่า “อาจจะมีมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมที่หลากหลาย และไม่มีข้อจำกัดสำหรับมาตรการดังกล่าว หากจำเป็น"
ในการประชุมดังกล่าว BOJ ได้ตัดสินใจคงนโยบายการเงินในปัจจุบันต่อไป แต่ได้เลื่อนระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2559 จากเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณที่เริ่มในเดือนเม.ย.
แม้มีการเลื่อนระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว แต่สมาชิกส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง และแนวโน้มเงินเฟ้อ “มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เตือนว่าอัตราการขยายตัวของเงินเฟ้ออาจจะอ่อนแรงลง หากบริษัทต่างๆระมัดระวังในการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในต่างประเทศ หรือผู้บริโภคแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านมากขึ้นต่อการปรับขึ้นราคาขาย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ชี้ว่าความวิตกมากเกินไปเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ลดน้อยลงนั้น เจ้าหน้าที่หลายรายเน้นว่า “ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับผลกระทบของภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่" รายงานระบุ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน