แถลงการณ์ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐเดือนธ.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 17, 2015 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนต.ค.บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังขยายตัวปานกลาง การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจได้เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การส่งออกสุทธิอยู่ในภาวะอ่อนแอ ส่วนปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการจ้างงานเพิ่มอย่างต่อเนื่องและการว่างงานที่ลดลง แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และยืนยันว่าการใช้ประโยชน์ในระดับต่ำเกินไปจากทรัพยากรด้านแรงงานนั้น ได้ลดน้อยลงอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ของคณะกรรมการ ซึ่งบางส่วนสะท้อนถึงการร่วงลงของราคาพลังงานและการปรับตัวลงของราคานำเข้าสินค้าที่ไม่ใช่พลังงาน ส่วนมาตรวัดการชดเชยเงินเฟ้อที่อิงกับตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่มาตรวัดการคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวที่อิงกับผลสำรวจได้ปรับลดลง

คณะกรรมการ FOMC พยายามที่จะสนับสนุนการจ้างงานในระดับสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด ในปัจจุบันนี้ คณะกรรมการคาดว่า ด้วยการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราปานกลาง และปัจจัยชี้วัดตลาดแรงงานจะยังคงแข็งแกร่ง โดยรวมแล้ว เมื่อพิจารณถึงความคืบหน้าทั้งในและต่างประเทศ คณะกรรมการจะยังคงมองว่าความเสี่ยงต่อแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานนั้นมีความสมดุล โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง ขณะที่ผลกระทบชั่วคราวจากการร่วงลงของราคาพลังงานและราคานำเข้าได้ลดน้อยลงและตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง คณะกรรมการจะยังคงจับตาดูความคืบหน้าด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

คณะกรรมการพิจารณาว่าภาวะตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้นอย่างมากในปีนี้ และค่อนข้างเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในระยะกลางสู่เป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจและตระหนักถึงระยะเวลาที่จะต้องใช้เพื่อให้การดำเนินนโยบายส่งผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตนั้น คณะกรรมการจึงได้ตัดสินใจปรับเพิ่มช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) สู่ระดับ 0.25-0.5% โดยท่าทีด้านนโยบายการเงินจะยังคงผ่อนคลายหลังจากการปรับขึ้นครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวขึ้นต่อไปของภาวะตลาดแรงงานและการปรับตัวสู่ 2 % อีกครั้งของเงินเฟ้อ

ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น คณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจในแง่ของความเป็นจริงและคาดการณ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน, ปัจจัยชี้เกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ

ขณะที่เงินเฟ้อในปัจจุบันยังต่ำกว่า 2% คณะกรรมการจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความคืบหน้าทั้งในแง่ความเป็นจริงและคาดการณ์สู่เป้าหมายเงินเฟ้อ คณะกรรมการคาดว่าภาวะทางเศรษฐกิจจะปรับตัวในแนวทางที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มจะยังคงต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาวไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่แท้จริงของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจ ตามข้อมูลที่กำลังจะมีการเปิดเผยต่อไป

คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล โดยคณะกรรมการคาดว่าจะดำเนินการดังกล่าวจนกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะอยู่ในระดับปกติ นโยบายนี้น่าจะช่วยให้ยังคงมีภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลาย โดยที่คณะกรรมการยังคงถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวขึ้นเป็นจำนวนมาก

ผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เจเน็ต แอล. เยลเลน ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เลล เบรนาร์ด, ชาร์ลส์ แอล. อีแวนส์, สแตนลีย์ ฟิสเชอร์, เจฟฟรีย์ เอ็ม. แล็คเกอร์, เดนนิส พี. ล็อคฮาร์ท, เจอโรม เอช. เพาเวล, แดเนียล เค. ทารุลโล และจอห์น ซี. วิลเลียมส์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ