ผลการสำรวจของสถานีโทรทัศน์ CNBC บ่งชี้ว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมสัปดาห์นี้มากกว่าการประชุมก่อนหน้านี้ในเดือนมี.ค. และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์, นักเศรษฐศาสตร์ และผู้จัดการกองทุนของ CNBC พบว่า ผู้ถูกสำรวจทั้ง 100% หรือทั้ง 48 ราย ต่างคาดการณ์กันว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 26-27 เม.ย. ขณะที่ 94% คาดว่าการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงเดือนส.ค. ซึ่งช้ากว่า 2 เดือนเมื่อเทียบจากการสำรวจก่อนหน้านี้
ผู้ถูกสำรวจคาดว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยังคงดำเนินไปจนถึงไตรมาส 3 ของปี 2018
ผลสำรวจบ่งชี้ว่าแนวโน้มที่สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีอยู่ 21% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และลดลง 8 จุดเมื่อเทียบกับการสำรวจในเดือนม.ค. ซึ่งขณะนั้นตลาดโลกมีความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ผู้ถูกสำรวจปรับลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 1.95%
ขณะเดียวกัน ผู้ถูกสำรวจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดห้นในระยะกลาง โดยคาดว่าดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้น 7% ในช่วงสิ้นปี 2017 แต่ในระยะสั้นนักลงทุนมองว่าราคาหุ้นเริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โดยคาดว่าดัชนี S&P 500 จะปรับตัวขึ้นเพียง 1% ตลอดทั้งปีนี้