ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำเดือนมิ.ย.เมื่อวานนี้ โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการเฟดเห็นพ้องกันว่าควรมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จนกว่าเฟดจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ เฟดประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย. ก่อนที่อังกฤษจะลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
นอกจากนี้ เฟดยังได้ระบุถึงตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2010 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.3% สู่ระดับ 4.7% หลังจากอยู่ที่ 5.0% ในเดือนเม.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.9%
ในการประชุมเดือนมิ.ย. เฟดได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% และปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่มีจำนวนกรรมการเฟดมากขึ้นที่คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้
เจ้าหน้าที่เฟด 17 คนได้เข้าร่วมการประชุมในเดือนมิ.ย. โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจในการลงมติกำหนดอัตราดอกเบี้ยมีจำนวน 10 คน