นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายแคปแลนกล่าวว่า การที่มีปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว บ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้ามาก
"เฟดสามารถอดทน และดำเนินการอย่างรอบคอบ" เขากล่าว
ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
คำกล่าวของนายแคปแลนสะท้อนความเห็นของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน ที่กล่าวเตือนในวันนี้ว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม
นายโรเซนเกรนระบุว่า ขณะนี้เฟดเผชิญความเสี่ยงใน 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เฟดก็เผชิญความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจร้อนแรงเกินไป หากเฟดคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานานเกินไป
นายโรเซนเกรนยังกล่าวว่า "หากเราต้องการมีการจ้างงานเต็มศักยภาพ การคุมเข้มนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพื่อปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ"
ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น