นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ โดยระบุว่า เฟดกำลังพิจารณาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทดสอบภาวะวิกฤตของภาคธนาคารประจำปี โดยจะเน้นแนวทางที่มีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงมากขึ้น และมีลักษณะเฉพาะมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความต้องการเงินทุนของธนาคารขนาดใหญ่ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการทดสอบ
แต่เดิมนั้น ธนาคารต่างๆจะกำหนด"เงินทุนกันชน"ขึ้น ซึ่งธนาคารจะต้องดำรงเงินทุนดังกล่าวไว้เพื่อรองรับผลกระทบจากความเสี่ยงในช่วงขาลง โดยอิงจากผลการทดสอบ
อย่างไรก็ดี นางเยลเลนระบุว่า ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงที่เฟดกำลังพิจารณานั้น เงินทุนกันชนดังกล่าวจะถูกทดแทนด้วยการกำหนดเงินทุนกันชนใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงมากขึ้น และมีลักษณะเฉพาะมากขึ้น ซึ่งวงเงินจะขึ้นอยู่กับผลการทดสอบ
"สำหรับธนาคาร 8 แห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และถูกมองว่ามีความสำคัญต่อระบบการเงินโลกนั้น การคำนวณเงินทุนกันชนแบบใหม่ จะส่งผลให้ธนาคารมีความต้องการเพิ่มเงินทุนจำนวนมาก" เขากล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 8 แห่งของสหรัฐได้เพิ่มฐานเงินทุน 2 เท่า สู่ระดับ 8 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ได้เพิ่มการถือครองสินทรัพย์คุณภาพสูงอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นางเยลเลนยังระบุว่า ธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ แต่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า ธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ในภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังคงมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
นางเยลเลนกล่าวว่า ภาคธนาคารพึ่งพาเงินทุนระยะสั้นน้อยลง และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน
ประธานเฟดยังระบุว่า เฟดไม่มีตารางเวลาที่แน่นอนในการปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินออกจากจุดยืนที่ผ่อนคลายในขณะนี้
อย่างไรก็ดี นางเยลเลนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายได้ส่งสัญญาณในช่วงที่ผ่านมาว่า จะเป็นการเหมาะสมที่จะทำการปรับเล็กน้อยต่อนโยบายผ่อนคลายในปีนี้ ถ้าหากไม่มีความเสี่ยงครั้งใหม่ปรากฎขึ้น