ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ปริมาณเงินหยวนสำหรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศร่วงลงอย่างหนักถึง 3.375 แสนล้านหยวน (5.015 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) แตะ 22.91 ล้านล้านหยวนในเดือนก.ย.
นับเป็นสถิติที่ร่วงลงอย่างหนักที่สุดในปีนี้ และยังปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันแล้ว บ่งชี้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของการเคลื่อนย้ายทุน
เนื่องจากเงินหยวนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างเสรีภายใต้บัญชีทุน ทางธนาคารกลางจึงจำเป็นต้องซื้อเงินตราต่างประเทศที่มาจากยอดเกินดุลการค้าของจีน และการลงทุนจากต่างประเทศในจีน ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณเงินให้กับตลาด โดยปริมาณเงินดังกล่าวเป็นปัจจัยบ่งชี้สำคัญสำหรับกระแสเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าและออกจากจีน เช่นเดียวกับสภาพคล่องของเงินหยวนภายในประเทศ
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสเงินทุนไหลออกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น และเงินหยวนได้อ่อนค่าลงหลังจีนปรับปรุงกลไกแลกเปลี่ยนเงินตราเมื่อปีที่ผ่านมา โดยทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศของจีนร่วงลงแตะ 3.17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนก.ย. ซึ่งปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
หาน หุยชือ นักวิเคราะห์จากไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ มองว่า การปรับตัวลดลงเป็นผลจากปัจจัยระยะสั้น โดยทางการจีนอาจจะตัดสินใจขายทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศบางส่วนเพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินหยวน ก่อนที่จะมีการผนวกรวมเข้ากับตะกร้าสกุลเงิน Special Drawing Right (SDR) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF
นอกจากนี้ การที่ประชาชนชาวจีนได้ซื้อเงินตราต่างประเทศก่อนที่จะถึงหยุดยาวช่วงวันชาติ ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุนสำรองปรับตัวลดลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน