ส่วนเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นในระดับหนึ่งนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าที่คณะกรรมการ FOMC คาดการณ์ไว้ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนจากการปรับตัวลงของราคาพลังงานและราคานำเข้าสินค้านอกหมวดพลังงาน ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อนั้น แม้ว่าปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวบ่งชี้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
คณะกรรมการ FOMC มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้เติบโตอย่างเต็มที่และหนุนราคาให้มีเสถียรภาพ โดยคณะกรรมการ FOMC ประเมินว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวในระดับปานกลาง และจะช่วยให้สัญญาณบ่งชี้ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง ส่วนเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง เนื่องจากผลกระทบจากการร่วงลงของราคาพลังงานและราคานำเข้าเริ่มลดน้อยลง และตลาดแรงงานจะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจนั้น อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ทั้งนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด และจะจับตาความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก
เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ไว้ที่ระดับ 0.25-0.5% ขณะเดียวกัน คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นนั้นมีมากขึ้น แต่เฟดได้ตัดสินใจรอดูหลักฐานที่จะบ่งชี้เพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ การคงนโยบายการเงินในลักษณะผ่อนคลายจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวดีขึ้นต่อไปของภาวะตลาดแรงงานและการที่เงินเฟ้อจะปรับตัวสู่ระดับ 2% อีกครั้ง ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น คณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจในแง่ของความเป็นจริงและคาดการณ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน ปัจจัยชี้วัดเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
การที่เงินเฟ้อในปัจจุบันยังต่ำกว่า 2% คณะกรรมการจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับความคืบหน้าทั้งในแง่ความเป็นจริงและคาดการณ์สู่เป้าหมายเงินเฟ้อ คณะกรรมการคาดว่าภาวะทางเศรษฐกิจจะปรับตัวในแนวทางที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มจะยังคงต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาวต่อไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่แท้จริงของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจ ตามข้อมูลที่กำลังจะมีการเปิดเผยต่อไป
คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล โดยคณะกรรมการคาดว่าจะดำเนินการดังกล่าวจนกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะอยู่ในระดับปกติ นโยบายนี้น่าจะช่วยให้ยังคงมีภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลาย โดยที่คณะกรรมการยังคงถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวขึ้นเป็นจำนวนมาก
กรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เจเน็ต แอล. เยลเลน ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, ลาเอล เบรนาร์ด, เจมส์ บูลลาร์ด, สแตนลีย์ ฟิสเชอร์, เจอโรม เอช. เพาเวล, เอริค โรเซนเกรน และดาเนียล เค. ทารุลโล ส่วนกรรมการเฟดที่ไม่เห็นด้วยกับการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ได้แก่ เอสเธอร์ แอล. จอร์จ และลอเร็ตตา เจ. เมสเตอร์