นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในวันนี้ว่า การที่พรรครีพับลิกันสามารถครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว และสภาคองเกรส จะช่วยให้สหรัฐหลุดพ้นจากภาวะชะงักงันด้านนโยบายแห่งชาติที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นายบูลลาร์ดกล่าวว่า ปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ซึ่งได้แก่ การปฏิรูปกฎระเบียบ และการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน จะมีมากกว่าปัจจัยลบที่เกิดจากความวิตกเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดการเงิน หลังชัยชนะของนายทรัมป์ที่สร้างความประหลาดใจต่อตลาด
ส่วนกรณีการแทรกแซงทางการเมืองที่นายทรัมป์อาจแต่งตั้งกรรมการเฟดคนใหม่อีก 2 คนสำหรับตำแหน่งที่ว่างอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งแต่งตั้งประธานเฟดคนใหม่ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ครบวาระการดำรงตำแหน่งในปี 2018 นั้น นายบูลลาร์ดกล่าวว่า เขาไม่คาดว่าการกระทำดังกล่าวจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อนโยบายการเงินของเฟด เนื่องจากโครงสร้างของเฟดที่กำหนดให้มีคณะกรรมการบอร์ด 7 คน โดยแต่ละคนมีวาระการดำรงตำแหน่ง 14 ปี และการมีประธานเฟดประจำภูมิภาคอีก 12 คน จะช่วยรับประกันความเป็นอิสระของเฟด และปลอดจากอิทธิพลทางการเมือง
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังกล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงหนึ่งครั้งในระยะใกล้ ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับต่ำ และอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ หลังจากนั้น เฟดจะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าการขยายตัว, เงินเฟ้อ, ประสิทธิภาพการผลิต และปัจจัยอื่นๆทางเศรษฐกิจ จะปรับตัวไปสู่ช่วงใหม่
ขณะเดียวกัน นายบูลลาร์ดกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงอยู่ในสภาวะของอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก 2-3 ปี