นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ว่า ตนคัดค้านแนวคิดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะยกเลิกกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศใช้ในปี 2010 เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยหวังหลีกเลี่ยงการเกิดวิกฤตการทางการเงินแบบเดียวกับในปี 2008
นางเยลเลนกล่าวว่า หลังจากที่สหรัฐเผชิญภาวะวิกฤตทางการเงิน ก็ทำให้ต้องมีการกำหนดมาตรการควบคุมซึ่งจะทำให้ระบบการเงินปลอดภัยขึ้น
"ดิฉันไม่ต้องการย้อนเวลากลับสำหรับสิ่งต่างๆที่ดีขึ้นจากการดำเนินการของเรา" ประธานเฟดกล่าว
นางเยลเลนกล่าวเสริมว่า มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญในตลาด เช่น การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว นับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเรื่องนี้บ่งชี้ถึงการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณมากขึ้น จากการที่นายทรัมป์เพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณ และลดภาษี
นางเยลเลนยังระบุว่า เฟดยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อนายทรัมป์ และสภาคองเกรสชุดใหม่เริ่มการทำงานในต้นปีหน้า แต่นางเยลเลนยืนยันว่า ในการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยนั้น เฟดจะพิจารณารวมถึงการตัดสินใจของทำเนียบขาว และสภาคองเกรส
นางเยลเลนยังยืนยันว่า ตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระในเดือนม.ค.2018
ทั้งนี้ ต่อข้อถามของนางแคโรไลน์ มาโลนีย์ ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมาธิการดังกล่าว ที่ว่า นางเยลเลนจะลาออกก่อนหมดวาระหรือไม่ นางเยลเลนตอบว่า "ไม่ ดิฉันไม่สามารถทำได้"
"วุฒิสภาให้การรับรองให้ดิฉันทำงานในวาระ 4 ปี ซึ่งจะครบกำหนดในปลายเดือนม.ค.2018 และดิฉันก็มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระ" นางเยลเลนกล่าว
มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ว่า หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ก็มีความเป็นไปได้ว่านางเยลเลนจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยอาจเกิดขึ้นก่อนการประชุมเฟดในกลางเดือนธ.ค.
การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายทรัมป์กล่าวโจมตีนางเยลเลนบนเวทีดีเบตกับนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต โดยกล่าวว่าเฟดได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำโดยหวังให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเฟดกำลังเล่นการเมืองมากกว่านางฮิลลารี
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวหานางเยลเลนว่าได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำโดยมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง และเธอควรมีความละอายแก่ใจ
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์กันว่า นายทรัมป์อาจแทรกแซงการกำกับนโยบายของเฟด ด้วยการแต่งตั้งกรรมการเฟดคนใหม่อีก 2 คนสำหรับตำแหน่งที่ว่างอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งแต่งตั้งประธานเฟดคนใหม่ หลังจากที่นางเยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ครบวาระการดำรงตำแหน่งในปี 2018
ถึงแม้นางเยลเลนไม่ได้ระบุชื่อของนายทรัมป์โดยตรงในการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการในวันนี้ แต่นางเยลเลนก็ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องมีอิสระในการ ดำเนินนโยบาย
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต
นางเยลเลนยังระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่กำลังส่งสัญญาณความแข็งแกร่งในการจ้างงาน และการขยายตัว เพียงพอที่จะเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นางเยลเลนกล่าวว่า ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย.นั้น กรรมการเฟดมีความเห็นว่า เหตุผลที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น
นางเยลเลนตั้งข้อสังเกตุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังมีความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายตามภารกิจของเฟดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา และการจ้างงานในระดับสูงสุด โดยตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ และอัตราเงินเฟ้อก็ได้ดีดตัวขึ้น แม้ว่ายังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ที่ระดับ 2%
ประธานเฟดย้ำว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อๆไปของเฟด จะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งก็จะเพียงพอที่จะทำให้นโยบายของเฟดอยู่ในระดับเป็นกลางในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในอัตราปานกลาง ขณะที่การลงทุนทางธุรกิจยังคงอ่อนแอ โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง