นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การเลือกตั้งในสหรัฐไม่ได้เปลี่ยนแปลงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในปีหน้า ขณะที่ผลกระทบที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงนโยบายจะเริ่มปรากฎตั้งแต่ปี 2018 และ 2019
นอกจากนี้ นายบูลลาร์ดยังระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างช้าๆ ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นการปรับนโยบายสู่ระดับปกติ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไม่มีความหมายมากนักในเชิงเศรษฐกิจมหภาค
ขณะเดียวกัน นายบูลลาร์ดกล่าวสนับสนุนการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า และตั้งข้อสังเกตุถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า
"ขณะนี้ ตลาดมีการคาดการณ์อย่างมากว่า FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งผมก็โน้มเอียงสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว" เขากล่าว
นายบูลลาร์ดกล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่าปัญหาขณะนี้อยู่ที่ปี 2017 มากกว่า"
คำกล่าวของนายบูลลาร์ดในวันนี้ สอดคล้องกับที่เขากล่าวเมื่อวันพุธว่า จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
นายบูลลาร์ดระบุว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสวานนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในไม่ช้า และจะมีความเสี่ยง หากเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากจะทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต