นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันนี้ว่า การทะยานขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ในระยะนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายด้านนโยบายของเฟด
"ดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่การเลือกตั้ง โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าลงอย่างมากของค่าเงินเปโซเม็กซิโก"
"การเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนจะไม่หยุดยั้งเราจากการดำเนินการในสิ่งที่ควรทำเกี่ยวกับการดูแลเงินเฟ้อและการว่างงานในเศรษฐกิจของสหรัฐ" เขากล่าว
นอกจากนี้ นายฟิสเชอร์ยังคัดค้านการยกเลิกกฎดอดด์-แฟรงค์ตามแนวคิดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
"เราไม่สามารถลืมวิกฤตการเงินในปี 2007-2009" เขากล่าว
จุดยืนของนายฟิสเชอร์สอดคล้องกับนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนคัดค้านแนวคิดของนายทรัมป์ที่จะยกเลิกกฏหมายดอดด์-แฟรงค์ ซึ่งเป็นกฏหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศใช้ในปี 2010 เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยหวังหลีกเลี่ยงการเกิดวิกฤตการทางการเงินแบบเดียวกับในปี 2008
นางเยลเลนกล่าวว่า หลังจากที่สหรัฐเผชิญภาวะวิกฤตทางการเงิน ก็ทำให้ต้องมีการกำหนดมาตรการควบคุมซึ่งจะทำให้ระบบการเงินปลอดภัยขึ้น
"ดิฉันไม่ต้องการย้อนเวลากลับสำหรับสิ่งต่างๆที่ดีขึ้นจากการดำเนินการของเรา" ประธานเฟดกล่าว
ขณะเดียวกัน นายฟิสเชอร์ยังกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายทรัมป์จะช่วยแบ่งเบาภาระของเฟดในการพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ
"นโยบายทางการคลังบางอย่าง โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ และช่วยรับมือความท้าทายทางเศรษฐกิจในระยะยาวบางส่วน" เขากล่าว
นายฟิสเชอร์ยังกล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าใกล้เป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟด โดยเศรษฐกิจกำลังปรับตัวค่อนข้างดี