ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. เนื่องจากมูลค่าของสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินเยน
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนดังกล่าว BOJ ขาดทุนสุทธิ 2.0024 แสนล้านเยน (1.8 พันล้านดอลลาร์) จากที่มีกำไร 6.2889 แสนล้านเยนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
BOJ ยังเปิดเผยว่า ได้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 6.9762 แสนล้านเยนในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.
ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน สกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเกือบ 10% จากปลายเดือนมี.ค. แตะระดับประมาณ 101 เยนเมื่อช่วงปลายเดือนก.ย. ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ของ BOJ ลดลงหลายแสนล้านเยน
อย่างไรก็ดี คาดว่า BOJ จะเริ่มกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในช่วงเดือนต.ค.-มี.ค.ปีหน้า เนื่องจากเงินเยนได้กลับมาอ่อนค่าเทียบดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยดอลลาร์ได้เคลื่อนไหวบริเวณ 112 เยนในการซื้อขายวันนี้ที่ตลาดโตเกียว
มูลค่าสินทรัพย์โดยรวมของ BOJ เพิ่มขึ้น 24.8% สู่ระดับ 456.81 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ BOJ ยังคงดำเนินการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และสินทรัพย์อื่นๆ ภายใต้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน