สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายหนึ่งได้แสดงความวิตกกังวลว่า ราคาหุ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะร่วงลงอย่างหนัก หากความหวังที่มีต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อ่อนแรงลง
สมาชิกรายนี้ได้กล่าวในการประชุมเมื่อวันที่ 19-20 ธ.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดเงินภายหลังชัยชนะของนายทรัมป์นั้น "ส่วนหนึ่งมาจากการเก็งกำไร จึงเป็นไปได้ว่าตลาดจะมีการปรับตัวครั้งใหญ่"
การที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์นั้น น่าจะหนุนให้ต้นทุนนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ซึ่งน่าจะช่วยให้ทางธนาคารกลางสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้ 2% ตามเป้า แต่สมาชิกบอร์ดรายนี้ก็ได้เตือนไว้ว่า นักลงทุนไม่ควรคาดหวังกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายหลังชัยชนะของนายทรัมป์มากเกินควร
สมาชิกรายนี้กล่าวว่า "ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในตลาดเงินหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น มีพื้นฐานจากเสถียรภาพในราคาน้ำมันดิบและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจที่แท้จริง"
หลังนายทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ราคาหุ้นในสหรัฐและญี่ปุ่นก็ปรับตัวเข้าสู่ช่วงขาขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่านโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมายหลักที่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปรับลดภาษี จะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐ
เงินดอลลาร์สหรัฐได้พุ่งขึ้นกว่า 10% เทียบเงินเยนนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดการณ์กันว่ารัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายทรัมป์จะกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นต่อไป
สมาชิกบอร์ด BOJ รายหนึ่ง กล่าวว่า "เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในตลาดแล้ว ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับสินค้าทุกประเภทไม่รวมอาหารสดนั้น คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบรายปี"
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานเดือนพ.ย. ปรับตัวลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 เนื่องจากราคาพลังงานร่วงลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายการผลักดันให้ตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2%
ทั้งนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานไม่นับรวมราคาในหมวดอาหาร ซึ่งเป็นหมวดสินค้าที่มีความผันผวนสูงมาก สำนักข่าวเกียวโดรายงาน