นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยว่า การค้ากับเม็กซิโกนั้นให้ผลประโยชน์กับแรงงานสหรัฐ เนื่องจากเม็กซิโกนั้นได้เข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจสหรัฐมานานแล้ว ขณะที่แรงงานอพยพก็ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐได้ในระยะยาว
ถ้อยแถลงดังกล่าวถือว่าอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยนายทรัมป์นั้นได้แสดงตัวคัดค้านการค้ากับเม็กซิโกมาตลอด เนื่องจากมองว่าเม็กซิโกกำลังเอาเปรียบชาวอเมริกัน จนถึงขั้นขู่เรียกเก็บภาษีจากธุรกิจยานยนต์ที่ดำเนินการผลิตในเม็กซิโกเพื่อนำมาวางจำหน่ายในสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ออกมาขู่ว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกในอัตราที่สูงขึ้น โดยนายทรัมป์ได้ออกมาโจมตีรถยนต์แบรนด์อื่นๆที่มีแผนจะตั้งโรงงานในเม็กซิโกด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงโตโยต้า มอเตอร์ และฟอร์ด มอเตอร์ ที่ต้องประกาศพับโครงการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในเม็กซิโกไปเมื่อช่วงต้นเดือน
นายทรัมป์เคยแถลงข่าวกับสื่อมวลชนไว้ว่า "คุณเตรียมตัวเสียภาษีพรมแดนที่แพงหูฉี่ได้เลย หากคุณอยากย้ายไปอีกประเทศและทำให้แรงงานอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดต้องตกงาน ทั้งๆที่พวกเขาเป็นคนที่ทำให้คุณถึงจุดนี้ได้ตั้งแต่แรก"
"มีทำเลตั้งหลายจุดที่คุณสามารถย้ายไปได้ และผมไม่แคร์ตราบเท่าที่ทำเลดังกล่าวอยู่ในดินแดนสหรัฐ สำหรับบริษัทที่เตรียมลอยนวลในต่างแดนนั้น จะพบกับภาษีพรมแดนแพงหูฉี่ได้เลย"
นอกจากนี้ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐยังได้ประกาศว่า จะเจรจา NAFTA ใหม่ด้วย รวมถึงจะสร้างกำแพงตามแนวชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่อพยพโดยผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐ