ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลไปแล้วกว่า 40% ซึ่งเป็นไปตามนโยบายซื้อสินทรัพย์เชิงรุกของธนาคารที่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงิน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การซื้อพันธบัตรจำนวนมากของ BOJ นับเป็นหนึ่งในปัจจัยผลักดันให้เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐวิจารณ์ญี่ปุ่นและกล่าวหาในเรื่องการปั่นค่าเงินอย่างเป็นระบบ
ประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดการประชุมสุดยอดร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่กรุงวอชิงตันใ นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองจะหารือกันในประเด็นนโยบายการเงิน
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า BOJ ได้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีก 358.20 ล้านล้านเยน หรือ 3.19 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. จากพันธบัตรที่ยังไม่ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 894.34 ล้านล้านเยน
เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว แบงก์ชาติญี่ปุ่นได้ใช้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control policy) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีให้อยู่ที่ระดับประมาณ 0% ด้วยการปรับปริมาณการซื้อพันธบัตรโดยรวมทั้งหมด ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเคลื่อนตัวในทิศทางตรงกันข้ามกับราคาพันธบัตร
ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยและสหรัฐและญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ในขณะที่เงินเยนได้ร่วงลงไปกว่า 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ นับตั้งแต่ที่ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงาน