รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 19 ม.ค. ระบุว่า กรรมการ ECB มีความเห็นว่าการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในขณะนั้นสู่ระดับ 1.8% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ ECB ตัดสินใจดำเนินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้น
ECB ระบุว่า เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของ ECB ที่ต่ำกว่า 2% นั้น เกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น แต่ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น การเพิ่มขึ้นของค่าแรงสำหรับคนงาน
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19 ม.ค. โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน สำหรับเดือนม.ค.-มี.ค. ขณะที่เดือนเม.ย.-ธ.ค.จะอยู่ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน
อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่า อาจมีการปรับเพิ่มวงเงิน QE หรือขยายเวลาออกไปเกินกว่าเดือนธ.ค. 2017 หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ลง