นักวิเคราะห์จากสถาบันบุควาร์ระบุว่า จากการคำนวณพบว่า ขณะนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีความเป็นไปได้ถึง 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากที่มีโอกาสไม่ถึง 20% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ในวันที่ 14-15 มี.ค. หลังจากที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้
ก่อนหน้านี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 10 ปี
ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าววานนี้ว่า เฟดอาจจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่ล่าช้าเกินไปในการสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ นายแคปแลนได้ชี้แจงคำกล่าวของเขาที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรเกิดขึ้นในไม่ช้า ดีกว่าที่จะล่าช้าออกไป
เขากล่าวว่า "ควรเกิดขึ้นในไม่ช้า ดีกว่าที่จะล่าช้าออกไป หมายความว่า สิ่งนี้ควรเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้"
เมื่อกลางเดือนก.พ. นายแคปแลนกล่าวว่า เฟดควรรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพื่อที่ว่าในอนาคตนั้น เฟดจะสามารถลดการใช้นโยบายผ่อนคลายได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งละมากๆ ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อตลาด
ถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่า นายแคปแลนอาจออกเสียงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มี.ค.