คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9-1 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ นับเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน และครั้งที่ 3 ในรอบ 10 ปี
เฟดคาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของเฟดในปีนี้ จะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. และธ.ค. ซึ่งความเป็นไปได้ดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้
เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.1% ในปีนี้ และปีหน้า ก่อนที่จะชะลอลงสู่ 1.9% ในปี 2019
ส่วนตัวเลขอัตราการว่างงาน คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.5% ในช่วงสิ้นปีนี้ และจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวจนถึงปี 2019
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.9% ในปีนี้ จากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวเข้าใกล้ระดับ 2%
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของสหรัฐยังคงมีความผ่อนคลาย ซึ่งจะสนับสนุนสภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งต่อไป และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งเฟดคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2018"
"อัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา โดยอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายในระยะยาวของ FOMC ที่ 2% และ FOMC คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีเสถียรภาพที่ราว 2% ในระยะกลาง" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแถลงการณ์หลังการประชุมวันนี้