รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 14-15 มี.ค. ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ต้องการเริ่มต้นลดขนาดงบดุลบัญชีลงจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ หากเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์
รายงานดังกล่าวระบุว่า "เนื่องจากเศรษฐกิจยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ ผู้ร่วมการประชุมส่วนใหญ่จึงมองว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อไปในอนาคต และตัดสินว่า การเปลี่ยนนโยบายเรื่องการลงทุนต่อ (reinvestment) ของทางคณะกรรมการน่าจะสมควรแก่เวลาภายในปีนี้"
ระหว่างช่วงเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2550-2552 และช่วงเวลาหลังจากนั้น เฟดได้มีการซื้อพันธบัตรในปริมาณมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ
รายงานระบุว่า "ผู้ร่วมประชุมหลายรายเน้นย้ำว่า การลดขนาดงบดุลบัญชีควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและคาดการณ์ได้"
เพราะการลดขนาดงบดุลบัญชี อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น และเป็นปัจจัยคุกคามการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป
เจ้าหน้าที่เฟดยังได้หารือเรื่องวิธีการลดขนาดงบดุลบัญชีด้วย โดยรายงานระบุว่า "ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่ต้องการยกเลิกหรือหยุดการลงทุนใหม่ทั้งในแง่ของตราสารหนี้รัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)"
อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีการลงมติเจาะจงเลือกวิธีการและกรอบเวลา
การหารือเรื่องการลดขนาดงบดุลบัญชีนั้น มีขึ้นหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปรากฎให้เห็นปัจจัยเสี่ยงขาขึ้นมากขึ้น เพราะคาดการณ์ว่าจะมีการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจประเทศอื่นๆน่าจะมีความเสี่ยงลดลง
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เฟดได้เน้นย้ำถึงแนวโน้มความไม่แน่นอนในเรื่องกรอบเวลา รวมถึงรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลัง เช่นเดียวกับผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในการประชุมเดือนมี.ค. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติด้วยคะแนนเสียง 9-1 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.1% ในปีนี้ และปีหน้า ส่วนตัวเลขอัตราการว่างงาน คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.5% ในช่วงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.9% ในปีนี้ จากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวเข้าใกล้ระดับ 2%
"อัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา โดยอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายในระยะยาวของ FOMC ที่ 2% และ FOMC คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีเสถียรภาพที่ราว 2% ในระยะกลาง" แถลงการณ์ระบุ