รายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รอบวันที่ 15-16 มี.ค. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ เห็นพ้องต้องกันว่า BOJ ควรจับตาดูทิศทางเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพราะปัจจุบันยังขาดปัจจัยกระตุ้นให้ตัวเลขเงินเฟ้อขยายตัวตามเป้าหมาย
คณะกรรมการมีความเห็นว่า BOJ จำเป็นต้องเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป ขณะที่กรรมการบางคนมองว่า การที่ BOJ พยายามผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ด้วยการเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตร แสดงให้เห็นว่านโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve control) ที่ธนาคารกลางประกาศใช้นั้น ยังมีความอ่อนแอ
ทั้งนี้ ในการประชุมรอบล่าสุด BOJ มีมติคงนโยบายการเงินเชิงรุก โดยที่ประชุมได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ -0.1% นอกจากนี้ BOJ ยังได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจในปีงบประมาณ 2560
ที่ประชุม BOJ ได้เปิดเผยในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาส โดยระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีงบประมาณ 2560 จะขยายตัว 1.6% เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนม.ค.ที่ระดับ 1.5% และคาดว่า GDP ในปีงบประมาณ 2561 จะขยายตัว 1.3% สูงกว่าตัวเลขประมาณการในเดือนม.ค.ที่ระดับ 1.1%
ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น BOJ คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหาร จะขยายตัว 1.4% ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งลดลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 1.5% และคาดว่า ดัชนี CPI พื้นฐานในปีงบประมาณ 2561 จะขยายตัว 1.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า BOJ เชื่อว่าทางธนาคารกลางจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้ทันนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนเม.ย. 2561