นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม "125 Years of Women at Brown Conference" ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยบราวน์ ในรัฐโรดไอร์แลนด์ เมื่อวานนี้
การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้จัดขึ้นในหัวข้อ "125 Years of Women's Participation in the Economy" โดยนางเยลเลนได้ชูประเด็นการสนับสนุนให้องค์กรต่างๆใช้นโยบายเพื่อเปิดโอกาสให้สตรีเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น ซึ่งในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นางเยลเลนไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟด แม้เจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับลดงบดุลบัญชีลงก็ตาม
ทั้งนี้ นางเยลเลนได้กล่าวในการประชุมครั้งนี้ว่า การกำหนดนโยบายใดๆในองค์กรก็ตาม ควรคำนึงถึงการเปิดโอกาสให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยที่ผ่านมานั้น นโยบายหลายๆด้านไม่ได้เอื้ออำนวยให้สตรีเข้ามามีส่วนร่วมมากนัก ซึ่งส่งผลให้จำนวนสตรีที่เข้าสู่ตลาดแรงงานลดน้อยลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
"แม้มีรายงานว่า การจ้างงานสตรีเริ่มปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว แต่โดยทั่วไปนั้น สตรียังคงเผชิญกับอุปสรรคต่างๆในตลาดแรงงาน เช่น กำแพงที่กีดกันโอกาสในการทำงานอย่างเท่าเทียมกับบุรุษ รวมทั้งกฎระเบียบในสถานที่ทำงาน และธรรมเนียมปฎิบัติที่ไม่สามารถสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในที่ทำงาน"
"หากอุปสรรคเหล่านี้ยังคงมีอยู่ต่อไป ก็เท่ากับว่าเรากำลังพลาดโอกาสในการสนับสนุนผู้มีศักยภาพของเราซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ประสิทธิภาพด้านการผลิตในระบบเศรษฐกิจของเราลดน้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังได้รับแรงกดดันจากจำนวนประชาการผู้สูงอายุและศักยภาพด้านการผลิตที่ขยายตัวช้าลง " นางเยลเลนกล่าว
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังได้แนะนำแนวทางการสนับสนุนการจ้างงานของสตรี ผ่านทางการกำหนดนโยบายที่เอื้ออำนวยต่อครอบครัว ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือเด็กๆ การเพิ่มโอกาสในการจ้างงานพาร์ทไทม์ และการจ่ายเงินชดเชยที่สูงขึ้นในกรณีการลาคลอดบุตร
การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นางเยลเลนไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟด และไม่ได้พูดถึงประเด็นการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟด แม้เจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับลดงบดุลบัญชีก็ตาม โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดได้ปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างเหมาะสมแล้ว และเฟดควรเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในช่วงครึ่งปีหลัง
"อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเหมาะสม เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในขณะนี้ โดยยังไม่มีสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายที่ 2% ของเฟด ดังนั้น แทนที่จะพุ่งเป้าไปที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เฟดจำเป็นต้องสร้างความคืบหน้าต่อการปรับลดงบดุลบัญชีวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หากเกิดสถานการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนก หรือเศรษฐกิจเกิดภาวะถดถอย" นายบูลลาร์ดกล่าว