นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐยังมีความอ่อนแอ
นางเมสเตอร์ระบุว่า เฟดไม่ควรมีปฏิกริยามากเกินไปต่อความเคลื่อนไหวเพียงชั่วคราวที่เกิดจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผย
ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ยังกล่าวว่า ตนจะสนับสนุนการปรับลดวงเงินของพันธบัตรมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในพอร์ทฟอลิโอของเฟด
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ไม่ได้ให้ความสำคัญของตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแอในเดือนมี.ค. และการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 โดยกล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 0.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่ซบเซาของผู้บริโภค และตอกย้ำรูปแบบการปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่มักจะชะลอตัวในช่วงต้นปี
การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการขยายตัวเพียง 0.3% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ
คำกล่าวของนางเมสเตอร์ช่วยหนุนมุมมองที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นปี
เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 83.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า