นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากระดับ 4.4% ในเดือนเม.ย.
ด้านนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.4%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนมี.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์จากเฟดเดอรัล อินชัวร์ เครดิต ยูเนียนส์ ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ออกมาน้อยกว่าคาดการณ์ แต่ตลาดแรงงานของสหรัฐในขณะนี้ยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โรเบิร์ต แบรด แอนด์ โค ก็แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เฟดยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
ทั้งนี้ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึงเกือบ 94% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยคาดว่ามีแนวโน้มมากถึง 90% จากเดิมที่ระดับ 80%