ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ทุกแห่งของสหรัฐสามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) และรายงานของเฟดระบุว่า ธนาคารเหล่านี้มีระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงได้
"สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐมีระดับเงินทุนที่แข็งแกร่ง และยังคงมีศักยภาพในการปล่อยกู้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยรุนแรง" เฟดเปิดเผยในรายงานการทดสอบภาวะวิกฤตฉบับล่าสุด ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐมีฐานเงินทุนที่สอดคล้องกับข้อกำหนดในการทดสอบภาวะวิกฤตของเฟด
รายงานผลการทดสอบภาวะวิกฤตระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ 34 รายของสหรัฐจะเผชิญกับการขาดทุนจากการปล่อยเงินกู้ 3.83 แสนล้านดอลลาร์ หากเกิดสถานการณ์ร้ายแรงทางเศรษฐกิจ อันได้แก่ที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10% และเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในตลาดการปล่อยกู้ให้กับภาคเอกชนและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ผลการทดสอบยังบ่งชี้ว่า อัตราส่วนเงินกองทุน Tier 1 ของธนาคารเหล่านี้ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ระดับเงินทุนของธนาคาร จะลดลงสู่ระดับ 9.2% ในสถานการณ์ร้ายแรงที่สุด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับสูงกว่าข้อกำหนดของเฟด
"ผลการทดสอบปีนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในสถานการณ์ที่ถดถอยรุนแรง ธนาคารรายใหญ่จะยังคงมีเงินทุนเพียงพอ" นายเจอโรม โพเวลล์ เวลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าว
การทดสอบภาวะวิกฤตของเฟดครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วนับตั้งแต่ปี 2552 โดยธนาคารใหญ่ 34 แห่งของสหรัฐมีสินทรัพย์รวมกันในอัตราส่วนกว่า 75% ของสินทรัพย์ทั้งหมดในภาคธนาคารของประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เฟดจะประกาศผลการทดสอบภาวะวิกฤตส่วนที่สองที่เรียกว่า การวิเคราะห์และประเมินเงินทุนแบบครอบคลุม (CCAR) ในวันที่ 28 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ รายงาน CCAR เป็นการประเมินกระบวนการวางแผนเงินทุนและความเพียงพอของเงินทุนของธนาคารรายใหญ่ใหญ่ ซึ่งจัดทำเป็นรายปี โดยรายงาน CCAR อาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลของธนาคารเหล่านี้