ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน แม้มีผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนก็ตาม โดยแม้ว่าพายุเฮอร์ริเคนได้ส่งผลให้การจ้างงานหดตัวลงในเดือนก.ย. แต่อัตราว่างงานยังคงปรับตัวลดลง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีการขยายตัวปานกลาง และการขยายตัวด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อนั้น แม้ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นหลังจากเกิดพายุเฮอร์ริเคน ซึ่งส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ยังคงซบเซา โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วโป และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ได้ปรับตัวลดลงในปีนี้ และยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% โดยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวบ่งชี้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
คณะกรรมการ FOMC มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้เติบโตอย่างเต็มที่และหนุนราคาให้มีเสถียรภาพ ส่วนผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนและการบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ประสบภัยนั้น แม้ว่ายังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะใกล้นี้ แต่จากประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เฟดตั้งข้อสังเกตุว่า ปัจจัยเกี่ยวกับพายุอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วประเทศในระยะกลาง ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังคงคาดการณ์ว่า ด้วยการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะขยายตัวปานกลาง และภาวะในตลาดแรงงานจะยังคงมีความแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลา 12 เดือนนั้น คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 2% ในระยะใกล้นี้ แต่คาดว่าในระยะกลาง เงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของคณะกรรมการ FOMC ขณะที่ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อยู่ในระดับค่อนข้างสมดุล ทั้งนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังคงจับตาสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
เมื่อพิจารณาถึงภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่เป็นไปตามการคาดการณ์แล้ว คณะกรรมการได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ที่ระดับ 1.00-1.25% ขณะที่จุดยืนด้านนโยบายการเงินนั้น ยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาวะตลาดแรงงานให้ปรับตัวดีขึ้นต่อไป และจะช่วยหนุนเงินเฟ้อให้ปรับตัวสู่ระดับ 2% อีกครั้ง
ในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น ทางคณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความเป็นจริงและการคาดการณ์ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2% การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน ปัจจัยชี้วัดเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพิจารณาถึงความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
คณะกรรมการจะจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ทั้งในแง่ความเป็นจริงและการคาดการณ์ คณะกรรมการคาดว่าภาวะทางเศรษฐกิจจะปรับตัวในแนวทางที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงต่ำกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาวต่อไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทิศทางที่แท้จริงของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจ ตามข้อมูลที่กำลังจะมีการเปิดเผยต่อจากนี้
ในเดือนต.ค. 2560 คณะกรรมการได้เริ่มดำเนินโครงการปรับงบดุลให้กลับสู่ภาวะปกติ
กรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เจเน็ต แอล. เยลเลน ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, ลาเอล เบรนาร์ด, ชาร์ลส์ แอล. อีแวนส์, แพทริค ฮาร์เกอร์, โรเบิร์ต เอส. แคปแลน, นีล คาชคารี เจอโรม เอช. พาวเวล และแรนดัล เค. ควอร์เลส