นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า "โดยทั่วไปแล้ว กรรมการเฟดมองว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีมีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่กรรมการเฟดหลายคนมองว่า นโยบายภาษียังคงอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอน"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงครั้งนี้ นางเยลเลนได้กล่าวอย่างระมัดระวังว่า การแสดงความเห็นครั้งล่าสุดนี้ไม่ควรถูกนำไปตีความว่าเป็นการประเมินเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายภาษี พร้อมกับเน้นย้ำว่า ผลกระทบดังกล่าวยังคงไม่แน่นอน
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า กรรมการเฟด ซึ่งรวมถึงตัวเธอเองด้วยนั้น เชื่อว่านโยบายภาษีจะช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้ขยายตัวขึ้น "เพียงเล็กน้อย" ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และด้วยการคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้เฟดยังคงระดับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ และคงระดับการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเช่นกัน ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะขยายตัว 1.7% ในปี 2560 และขยายตัว 1.9% ในปี 2561 นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2561 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.
นางเยลเลนตั้งข้อสังเกตว่า อัตราเงินเฟ้อที่ซบเซาถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดกำลังเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตาม นางเยลเลนกล่าวว่า กรรมการเฟดยังคงเชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวซึ่งจะกดดันอัตราเงินเฟ้อให้อ่อนแรงลงในปีนี้ จะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว โดยกรรมการเฟดยังคงคาดการณ์ว่า ในระยะกลางนี้ อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินบิตคอยน์ว่า "บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูง และมีบทบาทน้อยมากต่อระบบการชำระหนี้ นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังเป็นสกุลเงินที่ไม่มีเสถียรภาพ"