รายงานสรุปความคิดเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า กรรมการบางรายของ BOJ ได้เรียกร้องให้มีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือไม่ก็ลดวงเงินซื้อกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Exchange Traded Fund (ETF)
ความคิดเห็นดังกล่าวมาจากการประชุมนโยบายการเงินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรรมการ BOJ กลุ่มนี้มองว่า BOJ ควรมีการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย หากแนวโน้มด้านราคาและเศรษฐกิจส่งสัญญาณดีขึ้น โดยกรรมการได้มีความเห็นดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งออกมาแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าความคิดเห็นเหล่านี้มาจากกรรมการรายใด และไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นความเห็นจากกรรมการส่วนใหญ่หรือไม่
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวได้ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นในปี 2560 และคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2561 เนื่องจากค่าแรงปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มผลิตภาพ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และนโยบายกระตุ้นการเงินแบบเชิงรุกของ BOJ จะไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ พร้อมยืนยันว่า BOJ จะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อยังไม่ถึงเป้า
ทั้งนี้ BOJ มีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้คงนโยบายการเงินเชิงรุกต่อไปในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดย BOJ จะรอให้ภาวะเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของอัตราเงินเฟ้อ
คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% ขณะเดียวกัน BOJ จะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0% ทั้งยังคงระดับการซื้อกองทุน ETF และสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ