นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้และปีหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป
นางเมสเตอร์ยังกล่าวด้วยว่า สงครามการค้าอาจทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง และเธอจะจับตาสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม นางเมสเตอร์กล่าวว่า สงครามการค้าไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงมุมมองบวกที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์
ส่วนการประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า และ 2 ครั้งในปี 2563
เฟดระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจได้แข็งแกร่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า และจะมีเสถียรภาพใกล้กับเป้าหมายของเฟด
นอกจากนี้ เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ 2.5% และได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า สู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 2.7% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 คาดว่าจะชะลอตัวสู่ 2% ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8%