นายปีเตอร์ ฮูเปอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ ซีเคียวริตีส์ ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยบ่งชี้ไว้ โดยจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากครั้งกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
"สิ่งที่เฟดต้องกังวลคือ 1.การปรับอัตราดอกเบี้ยที่ล่าช้าเกินไป จนทำให้ไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ และ 2. การคุมเข้มมากเกินไป จนทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งเฟดต้องรักษาสมดุลของ 2 สิ่งนี้" นายฮูเปอร์กล่าว
"ถึงแม้เฟดเคยระบุว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เฟดก็จำเป็นต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง" เขากล่าว
นายฮูเปอร์ยังระบุว่า เฟดจะส่งสัญญาณในการประชุมเดือนหน้าว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่ส่งสัญญาณ 3 ครั้ง
คำกล่าวของนายฮูเปอร์สอดคล้องกับความเห็นของนายอาร์ท โฮแกน นักวิเคราะห์จากบี ไรลีย์ เอฟบีอาร์ ที่ระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในวันนี้ จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
"ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นต่อไป" นายโฮแกนกล่าว
"ก่อนหน้านี้ นักลงทุนไม่แน่ใจว่าเฟดจะกล้าขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ แต่ตอนนี้ตลาดกำลังเริ่มยอมรับต่อความคิดที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย., ก.ย. และธ.ค. หลังจากที่ปรับขึ้นมาแล้วในเดือนมี.ค." นายโฮแกนกล่าว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นไม่หยุดในวันนี้ โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทะยานขึ้นใกล้แตะระดับ 3.06% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 หลังสหรัฐเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
ณ เวลา 20.34 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.059% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.189%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจำนวน 4 ครั้งในปีนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 51% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่า เฟดมีโอกาส 95% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. และมีโอกาส 81.4% ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ก่อนหน้านี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เป็นครั้งแรกในปีนี้
เฟดสาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวสู่ระดับ 20.1 ในเดือนพ.ค. โดยสูงกว่าระดับ 15 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค.
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย. ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายน้ำมันเบนซินตามการดีดตัวของราคาน้ำมัน
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.