ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นในวันนี้ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว เคลื่อนไหวที่ระดับ 0% และได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากสถาบันการเงินที่สำรองเงินฝากไว้กับ BOJ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า BOJ พยายามผลักดันเงินเฟ้อให้ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม BOJ ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ เมื่อพิจารณาจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานเนื่องจากมีความผันผวนนั้น ขยับขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
การตัดสินใจคงนโยบายการเงินของ BOJ ในการประชุมวันนี้ นับว่าสวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กำลังดำเนินการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตานายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ซึ่งมีกำหนดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงเวลาต่อไปของวันนี้ โดยนายคุโรดะจะอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้