ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนเม.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า กรรมการคนหนึ่งของ BOJ กล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมถือเป็นสิ่งเป็นในการผลักดันเงินเฟ้อให้ขยายตัวรวดเร็วขึ้น แต่กรรมการส่วนใหญ่ต้องการให้ BOJ คงนโยบายการเงินไว้ที่ระดับเดิม
ทั้งนี้ แม้ไม่มีการเปิดเผยชื่อของกรรมการคนดังกล่าว แต่ก็คาดว่าจะเป็นนายโกชิ คาตาโอกะ ซึ่งมักจะออกเสียงคัดค้านการตัดสินใจคงนโยบายการเงินของ BOJ แต่กรรมการคนอื่นๆของ BOJ ไม่ได้ออกเสียงสนับสนุนความคิดของนายคาตาโอกะ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป
สำหรับการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงนโยบายการเงิน พร้อมกับตัดสินใจยกเลิกการกำหนดช่วงเวลาการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ให้ได้ภายในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการผลักดันให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% และเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตร โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว ให้เคลื่อนไหวที่ระดับ 0%
ในการประชุมเดือนเม.ย.นั้น BOJ ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสเช่นกัน โดยได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2561 ลงสู่ระดับ 1.3% จากระดับ 1.4%
ส่วนในปีงบประมาณ 2562 ทาง BOJ ได้คงคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อไว้เท่าเดิมที่ระดับ 1.8% โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีอุปโภคบริโภคซึ่งมีกำหนดประกาศใช้ในปีดังกล่าว พร้อมกับคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2563 จะอยู่ที่ระดับ 1.8% เช่นกัน