นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติ (neutral rate) เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยปกติหมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยปกติถือเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สอดคล้องกับความมีเสถียรภาพของเงินเฟ้อและการจ้างงานที่แข็งแกร่ง
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า "ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม"
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย. นี้ และจะปรับเพิ่มอีกครั้งในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.ทรัมป์ให้ความสนใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดฉากทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้า