นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุก ยังคงจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
"เราจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบเชิงรุกต่อไป เนื่องจากการจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้นั้น อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" นายคุโรดะกล่าว
สำหรับปัจจัยด้านลบที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดจากนโยบายผ่อนคลายการเงินของ BOJ นั้น นายคุโรดะกล่าวว่า "การปล่อยกู้ในภาคธนาคารยังคงแข็งแกร่ง และนี่เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้ขยายตัวปานกลาง ธนาคารพาณิชย์ของญี่ปุ่นมีเงินทุนกันชนที่เพียงพอต่อการรองรับภาวะวิกฤตที่รุนแรงเทียบกับในช่วงที่เลห์เมน บราเธอร์ ประสบภาวะล้มละลาย ระบบการเงินของญี่ปุ่นยังคงมีเสถียรภาพเมื่อพิจารณาจากภาพรวม แต่ในทางกลับกัน การดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธนาคาร เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่าสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ธนาคารพาณิชย์ลังเลที่จะปล่อยกู้หรือไม่"
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรนับตั้งแต่ BOJ ตัดสินใจปรับกรอบนโยบายการเงินให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในเดือนก.ค.ที่ผ่านมานั้น นายคุโรดะกล่าวว่า "กิจกรรมการซื้อขายในตลาดพันธบัตรสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์บางอย่าง แต่ปริมาณการซื้อขายมักจะเบาบางในเดือนส.ค.ของทุกๆปี ดังนั้น จึงเร็วเกินไปที่จะระบุถึงผลกระทบที่เกิดจากการตัดสินใจของ BOJ ในเดือนก.ค."