รายงานประชุมชี้เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกเร็วๆนี้ ขณะกรรมการเฟดแนะเปลี่ยนถ้อยคำสื่อสารในแถลงการณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 30, 2018 06:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 7-8 พ.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ หากข้อมูลที่เฟดได้รับมาบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อมีความสอดคล้องหรือแข็งแกร่งกว่าระดับการคาดการณ์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องว่า การปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม

รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดนั้น กำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปนั้น อาจส่งผลให้การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ

นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังได้หารือกันในประเด็นที่ว่า เฟดควรเปลี่ยนแปลงการใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำที่จะนำไปสู่การคาดการณ์ที่ว่า "เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป"

"กรรมการหลายคนของเฟดแสดงความเห็นว่า ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้านั้น เฟดควรเริ่มเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในแถลงการณ์ที่เคยเน้นย้ำว่าเฟดประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายจากข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำดังกล่าวนั้น จะช่วยสื่อสารให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะกรรมการ FOMC มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป" รายงานการประชุมเฟดระบุ

สำหรับการประชุมซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 7-8 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.,มิ.ย. และก.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้

ขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.00-2.25% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 โดยเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 8 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค.2558


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ