ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-20 ธ.ค. โดยมีเนื้อหาบ่งชี้ถึงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของคณะกรรมการในเรื่องระดับผลตอบแทนพันธบัตร ขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการยังได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น
รายงานระบุว่า กรรมการรายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า แบงก์ชาติควรปล่อยให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของญี่ปุ่นปรับตัวลงสู่แดนลบเป็นเวลาชั่วคราว โดยความคิดเห็นดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากกรรมการอีกรายหนึ่ง ซึ่งมองว่าหากแบงก์ชาติพยายามฝืนให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นแล้ว จะเท่ากับว่าเป็นการกวดขันนโยบายการเงิน
อย่างไรก็ดี ยังมีกรรมการบางรายที่ไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงแตะแดนลบ โดยให้เหตุผลว่า แบงก์ชาติควรสนับสนุนให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาระในระบบการเงิน และเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นกู้มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น เพราะโดยทั่วไปแล้ว หุ้นกู้เอกชนมักให้ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่บริษัทเอกชนมีความเสี่ยงด้านเครดิตมากกว่า
ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่ BOJ พยายามผลักดันเส้นอัตราผลตอบแทนให้สูงขึ้นเพื่อช่วยสนับสนุนสถาบันการเงินในประเทศ อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของญี่ปุ่นได้ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำ เนื่องจากนักลงทุนได้หันมาซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะวิตกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก
สำหรับการประชุม BOJ เมื่อวันที่ 19-20 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่น มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางเงินเฟ้อของประเทศที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจ เช่น การปรับขึ้นภาษีอุปโภคบริโภคในปีนี้
คณะกรรมการบริหารด้านนโยบายของ BOJ ได้ลงมติ 7 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ระดับติดลบ 0.1% รวมทั้งคงผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวไว้ที่ระดับใกล้ 0% ภายหลังการประชุมที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน
นอกจากนี้ แบงก์ชาติญี่ปุ่นยังได้ให้คำมั่นว่า จะเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลไว้ที่ระดับ 80 ล้านล้านเยน หรือ 7.11 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี และจะไม่เปลี่ยนแปลงการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น กองทุนที่มีการซื้อขายในตลาด
ด้านนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมดังกล่าว โดยนายคุโรดะยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้ว่าความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และความผันผวนในตลาดการเงินจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกก็ตาม